top of page

Narrow Escape

ผู้ป่วยมะเร็ง(มะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี) เมื่อมีอาการและตรวจพบว่าเป็นมะเร็งแล้ว แพทย์จะให้ข้อมูลกับผู้ป่วยว่า จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 3 - 6 เดือน ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการจะทรุดลงอย่างรวดเร็วและอาจเสียชีวิตเร็วกว่าที่คิดในบางราย เนื่องจากท้อแท้ หมดหวังในชีวิต

แนวทางการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่สับสน

ผู้ป่วยมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี เมื่อมีอาการและตรวจพบว่าเป็นมะเร็งแล้ว แพทย์จะให้ข้อมูลกับผู้ป่วยว่า จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 3 - 6 เดือน ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการจะทรุดลงอย่างรวดเร็วและอาจเสียชีวิตเร็วกว่าที่คิดในบางราย เนื่องจากท้อแท้ หมดหวังในชีวิต
    ปรากฏการณ์เหล่านี้ผู้เขียนพบเห็นอยู่เนื่อง ๆ แต่ก็สังเกตว่ามีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่เป็นมะเร็ง หรือโรคเอดส์ สามารถต่อสู้กับโรคร้ายได้อย่างน่าประทับใจ บางคนใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายอย่างมีความสุขเหมือนคนไม่ได้ป่วยไข้ บางคนสามารถยืดชีวิตไปได้อีกหลายปีหลังจากที่หมอเจ้าของไข้คาดว่าน่าจะอยู่ได้ไม่นาน บางคนมีอาการทรุดลงอย่างมากจนไม่น่าจะรอด แต่กลับพลิกฟื้นร่างกายจนกระทั่งกลับมาเอาชนะโรคร้ายได้ และยังมีบุตรคนที่สองได้อีกด้วย  นับได้ว่าผู้ป่วยที่โชคดีเหล่านี้

รอดตายอย่างหวุดหวิดชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด(Narrowly Escape)

ที่มาของข้อมูลนายแพทย์เอกชัย ปัญญาวัฒนานุกูล
อดีตผู้อำนวยการ ร.พ.กาบเชิง จ.สุรินทร์

 

แนวทางที่เป็นทางเลือกที่เป็นที่รู้และยอมรับกันอย่างกว้างขวางคือ
ธรรมชาติบำบัด

โดย Mr.Jacob Vadakkanchary  

     ธรรมชาติบำบัด คือ การดูแลรักษา กาย ใจ โดยขบวนการธรรมชาติ ตั้งอยู่บนหลักว่าโรคทุกชนิด ทั้งร่างกายและจิตใจของคนเรา สามารถเยียวยารักษาตัวเองได้ ถ้าร่างกายอยู่ในสภาพสมดุลปกติ โรคร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นจำนวนมาก เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดหัวใจตีบตัน ภูมิแพ้ หืดหอบ ฯลฯ เกิดจากการดำเนินชีวิตที่ผิดธรรมชาติ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆ และ รับประทานอาหารที่มีสารเคมีปนเปื้อน เช่น เนื้อสัตว์ที่เลี้ยงด้วยฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ยาปฏิชีวนะ หรือ รับประทานยาหรือฉีดยาที่ทำจากสารเคมี สารเหล่านี้จะตกค้างอยู่ในร่างกายมาก หรือการใช้ชีวิตที่เครียดเกินไป หักโหมเกินไป กังวลเกินไป ออกกำลังกายไม่เพียงพอ พักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้น การดูแลสุขภาพของคนเราจะเน้น เรื่องอาหาร การรับประทานอาหารที่ดีก็จะทำให้มีสุขภาพดี สุขภาพของคนขึ้นอยู่กับ พฤติกรรมของการรับประทานอาหาร Bacteria ไม่มีผลทำให้เกิดโรคต่อร่างกาย การเจ็บป่วยของคนล้วนเกิดจากอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อนที่คนเรารับประทานเข้า ไป เรื่อง ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นเรื่องของธรรมชาติที่ต้องเรียนรู้

สนใจอ่านต่อคลิ๊กลิ๊งที่นี่

 

หลักในการพิจารณาเลือกใช้การแพทย์ทางเลือก  

ในการพิจารณาเลือกใช้การแพทย์ทางเลือกควรคำนึงถึงหลัก 4 ประการ คือ

    1. ความน่าเชื่อถือ ( RATIONAL) โดยดูจากที่ว่า วิธีการหรือองค์ความรู้ด้านการแพทย์ทางเลือกชนิดนั้น ประเทศต้นกำเนิดให้การยอมรับหรือไม่ หรือมีการใช้แพร่หลายหรือไม่ ใช้มาเป็นเวลานานแค่ไหน มีการบันทึกไว้หรือไม่ อย่างไร
    2. ความปลอดภัย (SAFETY) เป็นเรื่องสำคัญมาก ว่ามีผลกับสุขภาพของผู้ใช้อย่างไร การเป็นพิษแบบเฉียบพลันมีหรือไม่ พิษแบบเรื้อรัง มีเพียงไร อันตรายที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวมีหรือไม่ หรือวิธีการนั้นทำให้เกิดภยันอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ เป็นต้น
    3. การมีประสิทธิผล (EFFICACY) เป็นเรื่องที่จะต้องพิสูจน์ หรือมีข้อพิสูจน์มาแล้ว ว่าสามารถใช้ได้จริง มีข้อมูลยืนยันได้ว่าใช้แล้วได้ผล ซึ่งอาจต้องมีจำนวนมากพอหรือใช้มาเป็นเวลานานจนเป็นที่ยอมรับ จากการศึกษาวิจัยหลากหลายวิธีการ เป็นต้น
    4. ความคุ้มค่า (Cost - Benefit - Effectiveness) โดยเทียบว่า ค่าใช้จ่ายที่เกิดด้วยวิธีนั้นๆ คุ้มค่า สำหรับผู้ป่วยนั้นๆ หรือไม่ ในโรคที่ผู้ป่วยที่ต้องทนทุกข์ทรมาน โดยอาจเทียบกับ เศรษฐานะของผู้ป่วยแต่ละคน เป็นต้น

โดย สำนักการแพทย์ทางเลือก



สนใจอ่านต่อคลิ๊กลิ๊งที่นี่

 

สนใจอ่านต่อคลิ๊กลิ๊งที่นี่

 

การสำรวจข้อมูลและการดูแลสุขภาพทางเลือกในคนไทย ปี พ.ศ. 2543

 

จากรายงานการวิจัย ของ สมพร เตรียมชัยศรี และคณะ เรื่อง การสำรวจข้อมูลและการดูแลสุขภาพทางเลือกในคนไทย ปี พ.ศ. 2543 เป็นการสำรวจตัวอย่างจำนวน 400 คน  ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 357 คน (89.3%)  โดยมีลักษณะดังนี้ เป็นหญิง 241 คน (68.3%) ชาย 112 คน ( 31.7%) มีการศึกษาสูงกว่าอุดมศึกษา 268 คน (80%) ต่ำกว่าอุดมศึกษา 65 คน ( 20%) มีวิธีการรักษาโรคดังนี

    -  พบแพทย์แผนปัจจุบัน 222 คน คิดเป็น 62.1%

    -  ใช้แผนโบราณและแผนปัจจุบัน 85 คน คิดเป็น 23.8%

    -  ซื้อยาเอง 16 คน คิดเป็น 5.1%

    -  ใช้ยาแผนโบราณและยาสมุนไพร 10 คน คิดเป็น 3.2%

    -  ที่เหลือใช้วิธีอื่นๆ

จากการศึกษาสรุปได้ว่า ศาสตร์ที่คนไทยรู้จัก ให้ความศรัทธาและมีความนิยมใช้จำนวน 25 ศาสตร์ ดังนี้ สมุนไพร การนวด สมาธิ/โยคะ การนวดศีรษะ รำมวยจีน/ไทเก็ก พลังรังสีธรรม สมาธิหมุน ชีวจิต พลังจักรวาล/โยเร การฝังเข็ม การฟังดนตรี การสวดมนต์/ภาวนา อบสมุนไพร การใช้เครื่องหอม/ยาดม การใช้วิตามิน/เกลือแร่/อาหารปลอดสารพิษ ดื่มน้ำผัก/ผลไม้ การสวนล้างพิษ การดูหมอ/รดนำมนต์ ศิลปะบำบัด การผ่อนคลายแบบ Biofeedback การใช้คาถา/เวทมนต์ การเพ่งโดยการใช้แสง สี เสียง การเข้าทรงนั่งทางใน  การใช้เก้าอี้แม่เหล็กไฟฟ้า การใช้วิชาธรรมจักร

    นอกจากนี้ยังมีการนำศาสตร์การแพทย์ทางเลือกรูปแบบต่าง ๆ ไปใช้ในกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรังต่าง ๆ ร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน ที่ชัดเจนที่สุดคือ กลุ่มเพื่อนมะเร็งที่มีการนำเอาการแพทย์ทางเลือกทั้งในรูปแบบของอาหารสุขภาพ การนั่งสมาธิ การใช้หินบำบัด ฯลฯ มาใช้ร่วมด้วย

bottom of page